" ครู" ครูคือคนพร้อมที่จะมอบวิชาความรู้ให้นักเรียนอย่างเต็มใจ สร้างความประทับใจ ให้กับตัวนักเรียนได้ มิใช่ทำให้คนอื่นมองครูเป็นแค่เพียง "เรือจ้างลำหนึ่ง" หรือเป็นแค่ "เปลวเทียนข้างทาง" ที่ทำหน้าที่พาเราข้ามไปสู่จุดหมายแล้วก็ลาจากกันไป แต่จะเป็นหัวใจสำคัญให้แสงเทียน หรือ เรือลำนี้ สามารถนำพาและช่วยขัดเกลานักเรียนนักศึกษาไปสู่จุดหมายปลายทาง และพบกับความสำเร็จของชีวิตพร้อมที่จะเป็นบุคลากรที่ดีของชาติต่อไป

วันอาทิตย์ที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2554

Clauses



อนุประโยค (Clauses)
อนุประโยค (Clauses) คือ ประโยคที่เกิดขึ้นตามลำพังไม่ได้ จะไม่สื่อความหมายที่สมบูรณ์ Clauses แบ่งออกเป็น 3 ชนิด คือ
1.Noun Clause (นามานุประโยค)
2.Adjective Clause (คุณานุประโยค)
3.Adverb Clause (วิเศษณานุประโยค)
1. Noun Clause คือ ประโยคที่ทำหน้าที่เหมือนคำนามในประโยค แต่มีใจความไม่ สมบูรณ์ในตัวเอง ต้องอาศัยใจความจากประโยคหลัก Noun Clause จะขึ้นต้นด้วยคำแสดงคำถาม เช่น how, what, which, where, why, who, whom, whose และมักจะ ขึ้นต้นประโยคด้วย that ซึ่งแปลว่าว่าเช่น
The bulletin states that English courses require a laboratory period.
The teacher explained how the sentences are formed.
หน้าที่ของ Noun Clause
1. เป็นประธานของกริยา
What he did is really strange.
Your word is not important.
เป็นกรรมของกริยา
Tom wants to know where the student cafeteria is.
I have forgotten what the teacher told me.
เป็นกรรมของบุพบท
We only laughed at what she said.
She is ignorant of what her son did.
เป็นส่วนสมบูรณ์ของประโยค
This is how I made my cake.
The fact is that she is poor.
เป็นคำซ้อนของนามหรือสรรพนาม
The news that you heard isn’t true.
It is unfortunate that you don’t get the scholarship.
2. Adjective Clause คือ ประโยคที่ทำหน้าที่เป็นคุณศัพท์ คือ ขยายคำนามหรือ สรรพนาม ลักษณะของ Adjective Clause จะนำหน้าด้วยคำเชื่อม (Connectives) 2 ชนิด คือ
2.1 Relative Pronoun: who, whom, that, which, whose
2.2 Relative Adverb: when, where, why
The man who sits next to me never spoke to me.
The book which is written in German is difficult and boring.
Teachers whose classes are interesting have many students.
This is the school where I used to work.

3. Adverb Clause คือ ประโยคที่ทำหน้าที่เหมือน adverb ขยายกริยา ขยายคุณศัพท์ และขยายกริยาวิเศษณ์ที่อยู่ในประโยคอื่นได้
She went home because she has a fever.
He treats us as if we were his children.
Adverb Clause มี 9 ชนิด คือ
3.1 Adverb Clause of Time คือ ประโยคที่ทำหน้าที่ขยายกริยาเพื่อแสดงเวลา เช่น when, whenever, while, before, after, as soon as, since, until
As it was late, we went home.
I will wait here until you allow me to come in.
3.2 Adverb Clause of Place คือ ประโยคที่ทำหน้าที่ขยายกริยาเพื่อบอก สถานที่ เช่น where, wherever
You may go wherever you want.
She hid her money where nobody could find it.
3.3 Adverb Clause of Manner คือ ประโยคที่ทำหน้าที่ขยายกริยาเพื่อแสดง อาการ เช่น as, as if, as though
He acted as if he were a millionaire.
She wrote the letter as she was told.
3.4 Adverb Clause of Comparison คือ ประโยคที่ทำหน้าที่ขยายกริยาวิเศษณ์ หรือขยายคุณศัพท์เพื่อแสดงการเปรียบเทียบ เช่น as…..as, so……as, than
Can you send me your application form as soon as  possible ?
Laura didn’t do so well in the exam as she had hoped.
3.5 Adverb Clause of Cause or Reason คือ ประโยคที่ทำหน้าที่ขยายกริยา หรือคุณศัพท์เพื่อแสดงสาเหตุหรือแสดงเหตุผล เช่น because, since, as, for
They moved to London because they wanted to stay with their parents.
She ran away for she was afraid.
3.6 Adverb Clause of Purpose คือ ประโยคที่ทำหน้าที่ขยายกริยาเพื่อแสดง ความมุ่งหมายหรือแสดงวัตถุประสงค์ เช่น so that, in order that
She works hard so that she can get more money for her children.
He came here in order that he might see his boss.
3.7 Adverb Clause of Result คือ ประโยคที่ทำหน้าที่ขยายกริยา ขยาย คุณศัพท์ หรือขยายคำวิเศษณ์ เช่น so……….that, such……….that
New cars are so expensive that some employees buy used ones.
She is such a polite girl that everybody likes her.
3.8 Adverb Clause of Condition คือ ประโยคที่ทำหน้าที่ขยายกริยาเพื่อแสดง เงื่อนไข เช่น if, unless, provided that, on condition that
If she comes, I will tell her the truth.
Unless he works harder, he will fail.
3.9 Adverb Clause of Concession คือ ประโยคที่ทำหน้าที่ขยายกริยา หรือ ขยายคุณศัพท์เพื่อแสดงการยอมรับ เช่น though, although, however, whatever
Although she is fat, she can run quickly.
Whatever help you give them, they will never thank you.
นอกจากการเรียนรู้เรื่องประโยค (Sentences) และอนุประโยค (Clauses) แล้ว ควรจะต้องรู้เรื่องเกี่ยวกับวลี (Phrases) ด้วย
วลี (Phrases) คือ กลุ่มคำซึ่งรวมกันตั้งแต่ 2 คำขึ้นไป มีความหมายในตัวเองบ้าง แต่ไม่ได้ใจความสมบูรณ์นัก วลีแบ่งตามรูปร่างลักษณะได้ 6 ชนิด คือ
1. Gerund Phrase ได้แก่ วลีที่ขึ้นต้นกลุ่มคำด้วย –ing
Driving over 60 km. on the Expressway is illegal.
(เป็นประธาน)
Linda is interested in learning foreign language.
(เป็นกรรม)
2. Present Participle Phrase ได้แก่ วลีที่ขึ้นต้นด้วยรูปกริยา เติม –ing แล้วทำหน้าที่ขยายนามหรือสรรพนาม
Before buying a new house, the newlywed should consider about the size and the surrounding.
The girl driving a red car is my friend’s daughter.
3. Past Participle Phrase ได้แก่ วลีที่ขึ้นต้นด้วยกริยาช่องที่ 3 และนำไปใช้ แบบคุณศัพท์เพื่อขยายนามหรือสรรพนาม
Arrested by the police, the thief was sent to prison.
The wounded man crawled out of the damaged car.
4. Infinitive Phrase ได้แก่ วลีที่ขึ้นต้นด้วยกริยา มี to นำหน้า
To exercise every day is necessary. (เป็นประธาน)
His job is to guard the museum. (เป็นส่วนสมบูรณ์)
Her car needs to be polished. (เป็นคุณศัพท์)
5. Prepositional Phrase ได้แก่ วลีที่ขึ้นต้นด้วยบุพบท
The girl with brown hair attracted much attention.
During the Summer, some of my friend went to Hua Hin.
6. Noun Phrase in Apposition ได้แก่ คำนามที่ตามหลังนามอีกหนึ่งตัว เพื่อ ทำหน้าที่ขยายนามตัวแรกให้ได้ใจความชัดเจนยิ่งขึ้น

The Interview: In English Version

The Interview : In Thai Version

" Wat Pra That on Tour "

Learn Noun